มีคำถามยอดฮิตจากพ่อแม่หลายๆท่านว่า "เราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกถนัดอะไร? "
คุณหมอจาก ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศโทย มีคำตอบคร่าวๆดังนี้ค่ะ ...
หลายท่านคงอยากที่จะทราบว่า “แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกของฉันจะถนัด หรือ ชอบ หรือ มีพรสวรรค์ในด้านใด”
มีคำตอบที่ง่าย และ สั้นที่สุด ก็คือพ่อแม่ต้อง “ สังเกต ” เอง !!!
โดยทุกท่านต้องลองสังเกตดูว่าลูกของเรานั้นทำอะไรแล้วมีความสุข มีสมาธิและความอดทน สามารถนั่งทำกิจกรรมนั้นๆได้นานไม่รู้เบื่อ
และ มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในเรื่องนั้นๆ โดย เผลอๆอาจจะแซงเด็กคนอื่นๆที่อยู่ในวัยเดียวกันอีกต่างหาก นั่นแหละครับ ให้สงสัยว่าใช่ไว้ก่อน
แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านต้องพึงระวัง คือ ความชอบหรือความถนัดนั้นส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นได้เด่นชัดเมื่อเด็กอายุเข้าสู่ช่วงท้ายของวัยอนุบาล (ประมาณ 4 ขวบขึ้นไป) เนื่องจากเป็นวัยที่พัฒนาการด้านต่างๆทั้งภาษา กล้ามเนื้อ อะไรต่อมิอะไร นั้นพร้อมที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ประกอบกับเด็กในวัยนี้จะมีประสบการณ์ในการทำกิจกรรมต่างๆมาพอสมควร เช่น เขียนหนังสือ นับเลข วาดรูป ร้องเพลง เล่นกับเพื่อน ฯลฯ
และที่สำคัญมากที่สุดคือ เด็กในวัยนี้จะเป็นวัยที่ “ช่างเลือก” คือ บอกได้ว่าตัวเอง ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อยากทำอะไร ไม่อยากทำอะไร ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการสังเกต
เคยมีผู้ปกครองหลายท่านมาบ่นให้ผมฟังว่า พยายามสังเกตมานานว่าลูกมีพรสวรรค์ด้านไหน แต่ไม่เห็นเจอเลย วันๆเห็นแต่นั่งดูการ์ตูนกับเล่น tablet” ก็ต้องขอเรียนว่านอกจากการสังเกตแล้ว การพาลูกออกไปทดลองทำกิจกรรมต่างๆนั้นก็มีความสำคัญ เพราะต้องอย่าลืมว่าเด็กเล็กๆเองก็ไม่รู้หรอกว่าในโลกนี้มันมีอะไรให้ทำบ้าง
ดังนั้นผู้ปกครองควร หาเวลาพาลูกๆออกไปทำกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อค้นหาความชอบและความถนัดของตัวเอง
ซึ่งหากถามว่าแล้วควรออกไปทำอะไรบ้าง ผมขอแนะนำว่าให้ทดลองตาม “ทฤษฏีพหุปัญญา (Multiple intelligences ของ Howard Gardner” ครับ
ซึ่งทฤษฏีนี้เค้าว่าไว้อย่างไร จะขอขยายความในครั้งต่อไป เพราะเดี๋ยวบทความจะยาวเกิน กลัวไม่มีคนอ่าน (5555) หรือ หากท่านใดใจร้อน ลองหาอ่านใน google ไปพลางๆก่อนได้ครับ
เนื่องจากเด็กแต่ละคนนั้นมีความถนัดและความชอบที่แตกต่างกัน ดังนั้นบ่อยครั้งที่ความคาดหวังของผู้ใหญ่นั้นมักจะไปขัดกับความถนัดและความชอบของเด็ก โดยเฉพาะในสังคมที่ผลิตคนแบบ “เสื้อโหล”
ดังนั้นการที่เรารู้ว่าลูกเราเป็นเด็กที่มีความชอบหรือความถนัดด้านไหนจะช่วยให้เราเข้าใจเขา เวลาที่เขางอแงหรือไม่อยากทำอะไรบางอย่าง เพราะบางครั้งมันเกิดจาก”ความไม่ถนัด” ไม่ใช่จาก “ความ ขี้เกียจ”
และที่สำคัญที่สุดคือเราไม่จำเป็นที่จะต้องเลี้ยงให้ลูกเก่งไปเสียทุกอย่างเพราะอย่าลืมว่าลูกเรานั้นเป็น”มนุษย์”ครับไม่ใช่ “ยอดมนุษย์”
ที่มา ชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นแห่งประเทศโทย
โปรดติดตามโพสต์ต่อไป เรื่อง ทฤษฏีพหุปัญญา Multiple intelligences ของ Howard Gardner +++